กฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่

ชองบัปติสต์ เดลามาร์ก (JeanBaptistedeLarmarck) เป็นนักชีววิทยาชาวฝรั่งเศสเป็นบุคคลแรกที่ได้วางรากฐานทางวิวัฒนาการขึ้นและได้ตั้งทฤษฎีขึ้น
เรียกว่า ทฤษฎีของลามาร์ก (Lamarck’s theory) และตีพิมพ์ในหนังสือ
Philosophinezoologigueในปีพ.ศ.2345เป็นที่เชื่อถือกันมากกว่า70ปี
ลามาร์กได้ศึกษาและจำแนกพืชและสัตว์และพบว่าลักษณะของสิ่งมีชีวิตจะแปรผันไป
ตามสภาพแวดล้อมในอาณาจักรสัตว์จะมีแบบฉบับพื้นฐานแบบเดียวกัน
สัตว์ชนิดเดียวกันย่อมมีรูปแบบพื้นฐานเหมือนกันและการเปลี่ยนแปลงของลักษณะ
ใหม่ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นประโยชน์แก่สิ่งมีชีวิตนั้น
ๆ ข้อเท็จจริงจากการศึกษาเหล่านี้ทำให้ลามาร์กเสนอทฤษฎี
วิวัฒนาการของลามาร์กขึ้น
มีใจความสำคัญคือ
1. สิ่งมีชีวิตและส่วนต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตมีความโน้มเอียงที่จะมีขนาดเพิ่มขึ้น
2. การเกิดอวัยวะใหม่มีผลมาจากความต้องการใหม่ในการดำรงชีวิต
3. อวัยวะใดที่ถูกใช้อยู่เสมอ มีความโน้มเอียงที่จะมีการเจริญและมีขนาดเพิ่มขึ้น อวัยวะใดไม่ค่อยได้ใช้จะเสื่อมหายไป ซึ่งพัฒนาไปเป็นกฎการใช้และไม่ใช้ (Law of Use and Disuse)
4. การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ประการข้างต้น สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้ เรียกว่า กฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่(Law of Inheritance of Acquired Characteristics) อันเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะมากขึ้นตามระยะเวลา
2. การเกิดอวัยวะใหม่มีผลมาจากความต้องการใหม่ในการดำรงชีวิต
3. อวัยวะใดที่ถูกใช้อยู่เสมอ มีความโน้มเอียงที่จะมีการเจริญและมีขนาดเพิ่มขึ้น อวัยวะใดไม่ค่อยได้ใช้จะเสื่อมหายไป ซึ่งพัฒนาไปเป็นกฎการใช้และไม่ใช้ (Law of Use and Disuse)
4. การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ประการข้างต้น สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้ เรียกว่า กฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่(Law of Inheritance of Acquired Characteristics) อันเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะมากขึ้นตามระยะเวลา
มาร์กได้อธิบายลักษณะคอยาวของยีราฟว่า
ยีราฟในอดีตนั้นคอสั้นกว่าปัจจุบัน ยีราฟต้องยืดคอขึ้นกินยอดไม้ที่อยู่สูง ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้นาน ๆ
จึงทำให้ลูกหลานยีราฟคอค่อย ๆ ยาวขึ้นและลักษณะดังกล่าวสามารถถ่ายทอดลักษณะไปสู่ลูกหลานได้
ในยุคนั้นได้รับการเชื่อถือมากแต่ในปัจจุบันความเชื่อนี้ได้หมดไปเนื่องจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตไม่ได้เกิดจากการฝึกปรือหรือการใช้อยู่เสมอ
ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติของดาร์วิน
ชาร์ลส์ ดาร์วิน
เป็นนักธรรมชาติวิทยาได้เดินทางไปกับเรือสํารวจ บีเกิล ของรัฐบาลอังกฤษ
ซึ่งเดินทางไปสํารวจและทําแผนที่ของฝั่งของทะเลทวีปอเมริกาใต้
ดาร์วินได้ประสบการณ์ จากการศึกษาพืชและสัตว์ที่มีอยู่เฉพาะที่หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos)
แห่งเดียวในโลกดาร์วินได้สังเกตนกกระจอกที่อยู่บริเวณหมู่เกาะกาลาปากอสและนกฟินช์
(finch)หลายชนิดพบว่าแต่ละชนิดมีขนาดและรูปร่างของจงอยปากแตกต่างกัน
ตามความ เหมาะสมแก่การที่จะใช้กินอาหารแต่ละประเภท
นกฟินช์มีลักษณะคล้ายนกกระจอกมากแตกต่างกัน เฉพาะลักษณะของจงอยปากเท่านั้น ดาร์วินเชื่อว่าบรรพบุรุษของนกฟินช์บนเกาะกาลาปากอสน่าจะ
สืบเชื้อสายมาจากนกฟินช์บนแผ่นดินใหญ่แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา
ทําให้ หมู่เกาะนี้แยกจากแผ่นดินใหญ่และเกิดการแปรผันทางพันธุกรรม
ของบรรพบุรุษนกฟินช์ มาเป็นเวลานานจนเกิดวิวัฒนาการเป็นสปีชีส์ใหม่ขึ้น